วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

จิตรกรรมไทย

จิตรกรรมไทย (Thai Painting) หมายถึง ภาพเขียนที่มีลักษณะเป็นแบบอย่างของไทย ที่แตกต่างจากศิลปะของชนชาติอื่นอย่างชัดเจน ถึงแม้จะมีอิทธิพลศิลปะของชาติอื่นอยู่บ้าง แต่ก็สามารถ ดัดแปลง คลี่คลาย ตัดทอน หรือเพิ่มเติมจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ ตนเองได้อย่างสวยงาม ลงตัว น่าภาคภูมิใจและมีวิวัฒนาการทางด้านด้านรูปแบบ และวิธีการมาตลอดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถพัฒนาต่อไปอีกในอนาคต
               ลายไทย  หมายถึง  เป็นส่วนประกอบของภาพเขียนไทยใช้ตกแต่งอาคาร สิ่งของ เครื่องใช้ เครื่องประดับ ฯลฯ  เป็นลวดลายที่มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันซึ่งนำเอารูปร่างจาก ธรรมชาติมาประกอบ เช่น ลายกระหนก ลายกระจัง ลายประจำยาม ลายเครือเถา เป็นต้น หรือเป็นรูปที่มาจากความเชื่อและคตินิยม เช่น รูปคน รูปเทวดา รูปสัตว์ รูปยักษ์ เป็นต้น
               จิตรกรรมไทย เป็นวิจิตรศิลป์อย่างหนึ่ง ซึ่งส่งผลสะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมอันดี งามของชาติ มีคุณค่าทางศิลปะและเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่เกี่ยวกับ ศาสนา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรมการแต่งกาย ตลอดจนการแสดงการเล่มพื้นเมืองต่าง ๆ ของแต่ละยุคสมัยและสาระอื่น ๆ ที่ประกอบกันเป็นภาพจิตรกรรมไทย งานจิตรกรรมให้ความรู้สึกในความงามอันบริสุทธิ์น่าชื่นชม เสริมสร้างสุนทรียภาพขึ้นในจิตใจมวลมนุษยชาติได้โดยทั่วไป วิวัฒนาการของงาน จิตรกรรมไทยแบ่งออกตามลักษณะรูปแบบทางศิลปกรรม ที่ปรากฏในปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบ คือ จิตรกรรมไทยแบบประเพณี และจิตรกรรมไทยแบบร่วมสมัย
จิตรกรรมไทยแบบประเพณี
               จิตรกรรมไทยแบบประเพณี (Thai Traditional Painting)  เป็นศิลปะที่มีความประณีตสวยงามแสดงความรู้สึกชีวิติจิตใจและความเป็นไทยที่มีความอ่อนโยน   นิยมเขียนบนฝาผนังภายในอาคารที่เกี่ยวกับพุทธศาสนาและอาคารที่เกี่ยวกับบุคคลชั้นสูง เช่น โบสถ์ วิหาร พระที่นั่ง วัง  โดยเขียนด้วยสีฝุ่นตามกรรมวิธีของช่างเขียนไทยแต่โบราณ  เนื้อหาที่เขียนมักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ทศชาติชาดก ไตรภูมิ วรรณคดี ชีวิตไทย และพงศาวดารต่าง ๆ  ส่วนใหญ่นิยมเขียนประดับผนังพระอุโบสถ วิหารอันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประกอบพิธีทางศาสนา
               ลักษณะจิตรกรรมไทยแบบประเพณีเป็นศิลปะ แบบอุดมคติ (Idealistic)ผนวกเข้ากับเรื่องราวที่กึ่งลึกลับมหัศจรรย์  เป็นภาพที่ระบายสีแบนเรียบ ด้วยสีสดใส และมีการตัดเส้นเป็นภาพ 2 มิติ ให้ความรู้สึกเพียงด้านกว้างและยาว ไม่มีความลึก ไม่มีการใช้แสงและเงามาประกอบ  จิตรกรรมไทยแบบประเพณีมีลักษณะพิเศษในการจัดวางภาพแบบเล่าเรื่องเป็นตอน ๆ ตามผนังช่องหน้าต่างรอบโบสถ์ วิหาร และผนังด้านหน้า และหลังพระประธาน
               รูปแบบลักษณะตัวภาพในจิตรกรรมไทย จิตรกรได้สร้างสรรค์ออกแบบไว้เป็นรูปแบบอุดมคติแสดงออกทางความคิดให้สัมพันธ์กับเนื้อเรื่องและความสำคัญของภาพ เช่น รูปเทวดา นางฟ้า กษัตริย์ นางพญา นางรำ มีลักษณะเด่นงามสง่าด้วยลีลาชดช้อย แสดงอารมณ์ความรู้สึกปีติยินดี หรือเศร้าโศกเสียใจด้วยอากัปกิริยาท่าทาง  ถ้าเป็นรูปยักษ์ มาร ก็แสดงออกด้วยท่าทางที่บึกบึน แข็งขัน ส่วนพวกวานรแสดงความลิงโลด คล่องแคล่วว่องไวด้วยลีลาท่วงท่าและหน้าตา  สำหรับพวกชาวบ้านธรรมดาสามัญก็จะเน้นความตลกขบขัน สนุกสนานร่าเริงหรือเศร้าเสียใจออกทางใบหน้า  ส่วนช้างม้าเหล่าสัตว์ทั้งหลายก็มีรูปแบบแสดงชีวิตเป็นธรรมชาติ
จิตรกรรมไทยแบบร่วมสมัย
               จิตรกรรมไทยแบบร่วมสมัย (Thai Contempolary Painting) เป็นศิลปะพัฒนาไปตามสภาพแวดล้อม ความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ความเป็นอยู่ ความรู้สึกนึกคิด และความนิยมในสังคม สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ใหม่ของวัฒนธรรมไทยอีกรูปแบบหนึ่งอย่างมีคุณค่าตามความนิยมของศิลปินแต่ละคน
พระเจ้าสัญชัยเดินทางไปรับพระเวชสันดรกลับเมือง
(งานจิตรกรรมไทยแบบร่วมสมัย)
เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์. อิ่มเอิบในธรรม (Overwhelmed With Dhamma)
ชะลูด  นิ่มเสมอ. โพธิบัลลังก์
Tempera, acrylic and ink on sa sheet, 116 x 107 ซม
.
ชะลูด  นิ่มเสมอ. ปลูก. สีฝุ่นและสีอะคริลิคบนกระดาษสา, 81x59 ซม.

ความสำคัญของจิตรกรรมไทย
               จิตรกรรมไทย เป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลแบบสหวิทยาการ ถือได้ว่าเป็นแหล่งขุมความรู้โดยเฉพาะเรื่องราวจากอดีตทีสำคัญยิ่ง แสดงให้เห็นถึงความเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมอันเก่าแก่ ยาวนาน ประโยชน์ของงานจิตรกรรมไทย นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องคุณค่าของงานศิลปะแล้ว ยังมีคุณค่าในด้านอื่น ๆ อีกมาก ดังนี้
               1.  คุณค่าในทางประวัติศาสตร์
               2.  คุณค่าในทางศิลปะ
               3.  คุณค่าในเรื่องการแสดงเชื้อชาติ
               4.  คุณค่าในทางสถาปัตยกรรม
               5.  คุณค่าในเชิงสังคมวิทยา
               6.  คุณค่าในด้านโบราณคดี
               7.  คุณค่าในการศึกษาประเพณีและวัฒนธรรม
               8.  คุณค่าในการศึกษาเรื่องทัศนคติค่านิยม
               9.  คุณค่าในการศึกษานิเวศวิทยา
               10.  คุณค่าในการศึกษาเรื่องราวทางพุทธศาสนา
               11.  คุณค่าในทางเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

แหล่งที่มา http://www.ipesk.ac.th/ipesk/VISUALART/lesson501.html

จิตรกรรม


               จิตรกรรม (Painting) หมายถึง ผลงานศิลปะที่แสดงออกด้วยการขีดเขียน  การวาด และระบายสี เพื่อให้เกิดภาพ เป็นงานศิลปะที่มี 2 มิติ เป็นรูปแบบไม่มีความลึกหรือนูนหนา แต่สามารถเขียนลวงตาให้เห็นว่ามีความลึกหรือนูนได้  ความงามของจิตรกรรมเกิดจากการใช้สีในลักษณะต่าง ๆ กัน
               องค์ประกอบสำคัญของงานจิตรกรรม คือ

                           1. ผู้สร้างงาน หรือ ผู้วาด เรียกว่า จิตรกรร
                           2. วัสดุที่ใช้รองรับการวาด เช่น กระดาษ  ผ้า  ผนัง ฯลฯ
                           3. สี  เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงเนื้อหา เรื่องราวเกี่ยวกับผลงาน

            งานจิตรกรรมเป็นงานศิลปะที่เก่าแก่ดั้งเดิมของมนุษย์  เริ่มตั้งแต่การขีดเขียนบนผนังถ้ำ บนร่างกาย บนภาชนะเครื่องใช้ต่าง ๆ จนพัฒนามาเป็นภาพวาดที่ใช้ประดับตกแต่งในปัจจุบัน  การวาดภาพเป็นพื้นฐานของงานศิลปะทุกชนิด ผู้สร้างสรรค์งานจิตรกรรม เรียนว่า จิตรกร (Painter)
               งานจิตรกรรม แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ   
               1. การวาดเส้น (Drawing)  เป็นการวาดภาพโดยใช้ปากกา หรือดินสอ ขีดเขียนลงไป บนพื้นผิววัสดุรองรับเพื่อให้เกิดภาพ  
                   การวาดเส้น คือ การขีดเขียนให้เป็นเส้นไม่ว่าจะเป็นเส้นเล็ก หรือ เส้นใหญ่ ๆ มักมีสีเดียว  แต่การวาดเส้นไม่ได้จำกัดที่จะต้องมีสีเดียว อาจมีสีหลาย ๆ สีก็ได้ การวาดเส้น จัดเป็นพื้นฐานที่สำคัญของงานศิลปะแทบทุกชนิด
 
                    2.  การระบายสี (Painting)  เป็นการวาดภาพโดยการใช้พู่กัน หรือแปรง หรือวัสดุอย่างอื่น  มาระบายให้เกิดเป็นภาพ การระบายสี ต้องใช้ทักษะการควบคุมสีและเครื่องมือมากกว่าการวาดเส้น ผลงานการระบายสีจะสวยงาม เหมือนจริง และสมบูรณ์แบบมากกว่าการวาดเส้น

ลักษณะของภาพจิตรกรรม
               งานจิตรกรรม ที่นิยมสร้างสรรค์ ขึ้นมีหลายลักษณะ ดังนี้ คือ
               1. ภาพทิวทัศน์ (Landscape Painting) เป็นภาพที่แสดงความงาม หรือความประทับใจในความงาม ของธรรมชาติ หรือสิ่งแวดล้อมของศิลปินผู้วาด  ภาพทิวทัศน์แบ่งเป็นลักษณะต่าง ๆ ได้แก่
                          1.1 ภาพทิวทัศน์ผืนน้ำ หรือ ทะเล (Seascape )
                          1.2 ภาพทิวทัศน์พื้นดิน (Landscape)
                          1.3  ภาพทิวทัศน์ของชุมชนหรือเมือง (Cityscape)

               2 ภาพคน (Figure Painting) เป็นภาพที่แสดงกิริยาท่าทางต่าง ๆ ของมนุษย์แบบเต็มตัว  โดยไม่เน้นแสดงความเหมือนของใบหน้า
               3. ภาพคนเหมือน (Potrait Painting) เป็นภาพที่แสดงความเหมือนของใบหน้า ของคน ๆ ใดคนหนึ่ง
               4. ภาพสัตว์ ( Animals Figure Painting)  แสดงกิริยาท่าทางของสัตว์ในลักษณะต่าง ๆ
               5. ภาพประกอบเรื่อง (Illustration Painting)  เป็น ภาพที่เขียนขึ้น  เพื่อบอกเล่าเรื่องราว หรือถ่ายทอดเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ผู้อื่นได้รับรู้  โดยอาจเป็นทั้งภาพประกอบเรื่องในหนังสือ พระคัมภีร์ หรือภาพเขียนบนฝาผนัง  อาคารสถาปัตยกรรมต่าง ๆ และรวมถึงภาพโฆษณาต่าง ๆ
               6. ภาพหุ่นนิ่ง  (Sill Painting) เป็นภาพวาดเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้ หรือ วัสดุต่าง ๆ ที่ไม่มีการเคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่อยู่กับที่
               7.  ภาพจิตรกรรมฝาผนัง (Mural Painting )  เป็น ภาพเขียนที่เขียนไว้ตามผนังอาคาร  โบสถ์  หรือวิหารต่าง ๆ  ส่วนใหญ่จะแสดงเรื่องราวศาสนา  ชาดก  ประวัติของศาสดา  กิจกรรมของพระมหากษัตริย์  บางแห่งเขียนไว้เพื่อประดับตกแต่ง
               วัสดุหรือสีที่ใช้ในงานกิจกรรม
               ปัจจุบันสีที่นิยมใช้ในงานจิตรกรรมมากมาย จะขอกล่าวเฉพาะที่สำคัญ ดังนี้
               1.  สีฝุ่น  (Tempera  Color)  เป็นสีที่เก่าแก่ที่สุดเป็นผงคล้ายแป้ง เวลาระบายต้องผสมกาวหรือไข่ขาว มีคุณสมบัติทึบแสง  เป็นสีที่ช่างเขียนไทยใช้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง สีฝุ่นมีการเขียนอยู่ 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ
                     1.1 ระบายบนพื้นแห้ง  ใช้เขียนได้ทั้งพื้นไม้  พื้นปูนหรือผนังต่าง ๆ ที่แห้งสนิทแล้ว   จิตรกรรมฝาผนังของไทยใช้วิธีการเขียนนี้  เพราะภาพเขียนไทยมีความละเอียดอ่อน ประณีตบรรจง และใช้เวลาเขียนนาน
                     1.2 ระบายบนพื้นที่เปียกหรือยังขึ้นอยู่   ใช้เขียนบนผนังปูนที่กำลังชื้นอยู่ ส่วนใหญ่เป็นงานกิจกรรมฝาผนังของชาวตะวันตก ซึ่งเริ่มเขียนกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ การเขียนต้องแข่งกับเวลาเพราะปูนจะแห้งเร็ว  แต่เมื่อแห้งสนิทดีแล้ว ปูนจะดูดสีเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ภาพอยู่ได้นานกว่าแบบแรก และมีชื่อเรียกเฉพาะว่า “ภาพแฟรสโก” (Fresco)  เช่น ภาพที่ผนังเพดานโบสถ์ซิสติน ผลงานไมเคิล  แองเจโล   ในประเทศไทย พบที่โบสถ์วัดราชาธิวาส  กทม.
               2.  สีน้ำมัน (Oil  Color)  เป็นสีที่ได้รับความนิยมมากทั้งผู้ดูและช่างเขียนเพราะเขียนง่ายทนทาน ทิ้งไว้นาน  กลับมาเขียนทับอีกก็ได้  ภาพสำเร็จดูสมจริงมีความเป็นเนื้อ (Mass) มากกว่าสีชนิดอื่น ราคาขายก็ดี  ภาพที่มีราคาแพง ๆ เช่น ภาพคนกินมัน ของวินเซนต์  แวนโก๊ะ  ก็เขียนด้วยสีน้ำมัน  แม้ว่าจะมีคุณสมบัติทึบแสง  แต่ก็สามารถเขียนให้ใสได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิควิธีการเขียนของแต่ละบุคคล  เวลาเขียนต้องผสมน้ำมันลินซีด และเขียนบนผ้าใบที่เรียกว่า แคนวาส (Canvas)
               3. สีน้ำ (Water  Color)  เป็นสีที่ใช้ได้ทั้งนักศึกษาและศิลปิน มีคุณสมบัติโปร่งแสง  ต้องระบายลงบนพื้นกระดาษขาวเท่านั้น  เนื่องจากเป็นสีที่แห้งเร็ว ผู้เขียนจะต้องมีความชำนาญภาพที่สำเร็จจึงจะสวยงาม  ปัจจุบันมีศิลปินที่เขียนเฉพาะสีน้ำประสบผลสำเร็จมากมาย
               4. สีอะครีลิค  (Acrylic  Color)  เป็นสีที่มีส่วนผสมของสารพลาสติกโพลิเมอร์  สามารถเขียนแบบสีน้ำมัน และสีน้ำก็ได้  สีนี้เป็นผลพลอยได้มาจากการกลั่นน้ำมันปิโตรเลี่ยม จึงมีราคาแพงพอสมควร แต่มีคุณภาพดีสีสวยสดใส
               5.  สีโปสเตอร์  (Poster  Color)   เป็นสีชนิดสีฝุ่น (Tempera) ที่ผสมกาวน้ำบรรจุเสร็จเป็นขวด  การใช้งานเหมือน กับสีน้ำ คือใช้น้ำเป็นตัวผสมให้เจือจาง 
                    สีโปสเตอร์เป็นสีทึบแสง  มีเนื้อสีข้น  สามารถระบายให้มีเนื้อเรียบได้  และผสมสีขาวให้มีน้ำหนักอ่อนลงได้เหมือนกับสีน้ำมัน  หรือสีอะคริลิค  สามารถระบายสีทับกันได้  มักใช้ในการวาดภาพประกอบเรื่องในงานออกแบบต่าง ๆ ได้สะดวก  ในขวดสีโปสเตอร์มีส่วนผสมของกลีเซอรีน จะทำให้แห้งเร็ว
               6.  สีชอล์ค  (Pastel)  เป็นสีฝุ่นผงละเอียดบริสุทธิ์นำมาอัดเป็นแท่ง  มีการผสมขี้ผึ้งหรือกาวยางไม้เข้าไปด้วยแล้วอัดเป็นแท่งในลักษณะของดินสอสี  แต่มีเนื้อละเอียดกว่าแท่งใหญ่กว่า และมีราคาแพงกว่ามาก  มักใช้ในการวาดภาพคนเหมือน และภาพหุ่นนิ่ง
               7.  ดินสอสี  (Crayon)  เป็นสีผงละเอียด ผสมกับขี้ผึ้งหรือไขสัตว์  นำมาอัดให้เป็นแท่งอยู่ในลักษณะของดินสอ  เพื่อให้เหมาะสำหรับเด็ก ๆ ใช้งาน   ปัจจุบันมีการพัฒนาให้สามารถละลายน้ำ หรือน้ำมันได้  โดยเมื่อใช้ดินสอสีระบายสีแล้วนำพู่กันจุ่มน้ำมาระบายต่อ ทำให้มีลักษณะคล้ายกับภาพสีน้ำ  บางชนิดสามารถละลายได้ในน้ำมัน ซึ่งทำให้กันน้ำได้
               8.  สีเทียน (Oil Pastel)  สีเทียนหรือสีเทียนน้ำมัน เป็นสีฝุ่นผงละเอียด ผสมกับไขมันสัตว์หรือขี้ผึ้ง แล้วนำมาอัดเป็นแท่ง มีลักษณะทึบแสง สามารถเขียนทับกันได้  การใช้สีอ่อนทับสีเข้มจะมองเห็นพื้นสีเดิมอยู่บ้าง  การผสมสี อื่น ๆใช้การเขียนทับกัน สีเทียนน้ำมันมักไม่เกาะติดพื้น สามารถขูดสีออกได้ และกันน้ำ   ถ้าต้องการให้ สีติดแน่นทนนาน จะมีสารพ่นเคลือบผิวหน้าสี  สีเทียนหรือสีเทียนน้ำมัน มักใช้เป็นสีฝึกหัดสำหรับเด็ก เนื่องจากใช้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อน และมีราคาถูก
แหล่งที่มา http://www.ipesk.ac.th/ipesk/VISUALART/lesson321.html